นายสุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวนบุตร ๗คน ของนายเต็กสือ แซ่ฉั่ว กับ นางฮุ้ยฮวง แซ่ลิ้ม เกิดวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะแม ในเขตสัมพันธวงศ กรุงเทพมหานคร
ต้นตระกูลของนายเต็กสือ เป็นขุนนางผู้ใหญ่ในประเทศจีน บ้านเดิมอยู่อำเภอเตียอัง จังหวัดกึงตัง มณฑลกว้างตุ้ง ประเทศจีน นายเต็กสือเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับประธานธิบดีเจียงไคเซ็ก เคยรับราชการมีตำแหน่งเป็นที่ ๔ รองจากประธานาธิบดีเจียงไคเซ็ก เป็นคนรักชาติและรักความยุติธรรม ในยุคที่ประเทศจีนอลเวงอย่างหนัก ข้าราชการเต็มไปด้วยพวกโกงกินคอร์รัปชั่น
เป็นเหตุให้นายเต็กสือโต้เถียงอย่างรุนแรงกับประธานาธิบดีเจียงไคเซ็กเพราะไม่พอใจในการบริหารงานของคณะรัฐบาล ประธานาธิบดีเจียงไคเซ็กสั่งจับฆ่า จึงหนีมาประเทศไทย ก่อนปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ประกอบอาชีพแพทย์แผนโบราณ
เยาว์วัย เด็กชายสุชาติชอบพูดคุยเรื่องธรรมะและเรื่องการช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ไม่สนใจการเรียนหนังสือในโรงเรียนแต่ได้เรียนรู้จากนอกโรงเรียนมากมาย บิดาแก่กรรม เมื่อเด็กชายสุชาติอายุ ๙ ขวบ มารดาต้องทำงานเลี้ยงลูก ๗ คน
เด็กชายสุชาติชอบไปเล่นแถวใต้สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ และลงเล่นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งหนึ่งเกิดเป็นตะคริวว่ายน้ำไม่ไหวจึงจมน้ำ เมื่อจวนจะหมดสติรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งมาช้อนร่างกายให้ลอยขึ้น ใบหน้าและจมูกอยู่เหนือน้ำ แล้วลอยไปเรื่อยๆ จนมีจีนพายเรือขายกาแฟผ่านมาจึงช่วยให้เด็กชายสุชาติขึ้นจากน้ำ
ปรากฎการณ์ที่รอดชีวิตมาได้อย่างแปลกประหลาดนี้ ยังฝังอยู่ในความทรงจำของนายสุชาติ ครั้นเมื่ออายุมากขึ้นต้องทำงานเพื่อส่วนรวม นายสุชาติรู้สึกแน่ใจว่าตนต้องมีชีวิตบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น จึงยังไม่ตายเมื่อเป็นเด็ก
อายุ ๑๐ ขวบ ได้ขโมยเงินของมารดา ๑๐ บาท ซื้อขนมแจกเพื่อน มารดาจับได้ก็ทำโทษเอาเชือกมัดข้อเท้าข้างขวาผูกติดกับประตูหน้าบ้าน ไห้นั่งประจานตรงนั้นนับแต่นั้นมาเด็กชายสุชาติได้ตั้งสัจจะว่า จะไม่ขอเงินท่านอีก แต่ด้วยเมตตาของมารดา บางวันก็เอาเงินมาทิ้งไว้ที่นอนหนึ่งบาทบ้าง สองบาทบ้าง วันไหนไม่มีเงินค่ารถก็จำเป็นต้องเอา
นับแต่นั้นมาเด็กชายสุชาติก็ไม่เรียนหนังสือ รับจ้างเขาทำงาน ขายก๋วยเตี๋ยวบ้าง ส่งกาแฟตามร้านบนบาทวิถีบ้าง เพื่อแลกเงินมาเลี้ยงชีพ บางคืนกลับไปถึงบ้านตีหนึ่ง ตีสอง มารดาก็ยังคอยอยู่
อายุ ๑๔ ปี ทำงานนอกบ้านและฝึกงานทางการค้าขาและช่วยเหลือผู้อื่นในวงการค้าด้วย ระหว่างนั้นไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนผู้ใหญ่วัดราชบูรณะ ได้เลื่อนชั้นและข้ามชั้น เรียนเพียง ๒ ปีก็จบชั้นประถมปีที่ ๔
เมื่อลงมือทำก็รู้สึกมีดวงไฟใหญ่ดวงหนึ่งแล่นเข้ามาที่หน้าอย่างเต็มที่แล้วก็ไม่รู้สึกตัวสักครู่รู้สึกตัวพวกเพื่อนที่อยู่ที่นั่นบอกว่า หลวงปู่ทวดมา ได้ทดลองอยู่หลายครั้ง ครั้งที่ร้อยกว่าหลวงปู่ทวดได้ผ่านร่างนายสุชาติ ท่านพูดว่าอยากลองดีจะเอาเป็นร่างทรง
ระหว่างเป็นทหาร พลทหารสุชาติ มีความขยันขันแข็งเคารพระเบียบวินัย เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา บางครั้งได้รับพลังทิพย์จากโลกวิญญาณ
ทำให้ผู้ฟังรู้สึกแปลกใจมาก บางวันแดดร้อนจัด พลทหารสุชาติบอกว่าจะเรียกฝนให้ แล้วก็ออกไปนั่งกลางแจ้ง ร้องเพลงแขก ฝนตกลงมา
ต่อมาทางการให้ย้ายจากค่ายธนะรัชต์ไปอยู่ ป.ต.อ. หนังสือส่งตัวมีใจความตอนหนึ่งว่า
“พลทหารสุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นพลทหารที่ดีมากและมีมันสมองมหัศจรรย์ สมควรให้ตำแหน่งนายสิบ”
ระยะนั้นสมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์ (หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด) ตรัสว่า เหตุการณ์บ้านเมืองไม่ดีต้องตั้งสำนักปู่สวรรค์ขึ้นในโลกมนุษย์ตามมติสามโลกรับใช้โลกวิญญาณ
เป็นช่วงชีวิตหักเหเข้าสู่ทางธรรมตั้งแต่อายุ ๒๒ ปี ความเป็นมาในเรื่องนี้เป็นที่อัศจรรย์ ขณะนั้นเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังเกิดวิกฤตการณ์ จากผู้ก่อการร้าย
ต่อมาย้ายมาตั้งอย่างเป็นทางการในซอย ๖๕ (จาตุรงค์สงคราม) ถ.เพชรเกษม บางแค กรุงเทพ
ก่อตั้งสำนักปู่สรรค์
เมื่อสำนักปู่สวรรค์เริ่มดำเนินงานโปรดสัตว์มาได้ระยะหนึ่ง เทพเจ้าแห่งแหลมสุวรรณภูมิ และเทพารักษ์รายงานว่า แหลมสุวรรณภูมิ จะเกิดกลียุคอย่างหนัก
สำนักปู่สวรรค์จึงดำเนินการเพื่อแก้อาถรรพ์ คลายความเดือดร้อนของแหลมสุวรรณภูมิ อาศัยพระบารมีของ พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยที่สถิตอยู่สวรรค์ชั้นที่ ๔ คือสวรรค์ชั้น ดุสิต ขอให้แผ่รัศมีมาช่วยโลกมนุษย์ด้วย
พร้อมทั้งเทพ พรหมที่ อธิษฐานจิตเพื่อขอมาเกิดเป็นพระอรหันต์ในยุคนั้น มาเพื่อพิทักษ์แหลมสุวรรณภูมิให้คลายความเดือดร้อนลง
ซึ่งขณะนั้นลัทธิคอมมิวนิสต์ได้เข้าไปสู่ลาว เวียดนาม เขมรแล้ว และเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในหลายจังหวัด จึงจำเป็นต้องช่วยประเทศไม่ให้ตกเป็นคอมมิวนิสต์ และเป็นการรวมพุทธศาสนาแห่งแหลมสุวรรณภูมิเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
การดำเนินการสร้าง
๑.แก้อาถรรพณ์ คลายความร้อนแห่งไฟอเวจีที่จะลุกโพลงขึ้นในแหลมสุวรรณภูมิ(ภัยจากสงครามการเข่นฆ่าเนื่องจากลัทธิการเมือง ที่อาจลุกลามกลายเป็นสงครามโลกได้)
๒.ประดิษฐานไว้ที่หน้ามุขบนพระตำหนักสำนักปู่สวรรค์ ให้มนุษย์ทุกรูปทุกนามที่ไปเยือนสำนักปู่สวรรค์ได้สักการะบูชา
๓.ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในระยะกึ่งพุทธกาล ให้ยั่งยืนสืบต่อไปเป็นการสร้างมหากุศลให้บังเกิดความร่มเย็น แก่ประชาชนในแหลมสุวรรณภูมิ
๔.กระชับสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นอัน เป็นทางนำไปสู่สันติภาพในดินแดนแถบนี้เป็นเบื้องต้น และสู่สันติภาพของโลกในที่สุด
พ.ศ.๒๕๑๕
ริเริ่มตั้งครัวกินเพื่ออยู่ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการรับประทานอาหารมังสวิรัติ และงดเว้นจากการฆ่าสัตว์
พ.ศ.๒๕๒๐
ตั้งชมรมอาหารมังสวิรัติแห่งประเทศไทย หลังจากที่กลับจากการไปร่วมประชุม สภามังสวิรัติแห่งโลก ครั้งที่ ๒๔ ณ ประเทศอินเดีย
-ช่วยรักษาผู้เจ็บป่วยอันเนื่องมาจากวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร หรือถูกอภิญญาฝ่ายดำ หรือถูกกระทำไสยคุณ
-รับเชิญแสดงปาฐกถาธรรมตามสถานที่ต่างๆ เพื่อยกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น และพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแพร่
-ออกบำรุงขวัญวีรบุรุษชายแดนผู้ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่มีอยู่หลายจังหวัด นำยารักษาโรค อาหารแห้ง และแจกผ้ายันต์พิทักษ์เอกราชแจกแก่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครที่ปฏิบัติหน้าที่ตามฐานชายแดนทั่วประเทศ
พ.ศ.๒๕๑๖
ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันติภาพแห่งโลกวิญญาณ
ทำพิธีวันเสียงปืนดับที่หมู่บ้านนาบัว อ.เรณูนคร จ.นครพนม และเสนอแนวคิดในการทำให้ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ยอมวางอาวุธซึ่งต่อมาทางราชการในระดับต่างๆได้นำแนวคิดไปปรับปรุง
ดำเนินการต่อจนสำเร็จทำให้ผู้ก่อการร้ายยอมวางอาวุธเข้ามามอบตัวเพื่อร่วมพัฒนาชาติไทย
สร้างภราดรภาพทางศาสนาเพื่อให้บังเกิดสันติภาพในหมู่มนุษยชาติ ทำงานด้วยแนวทางทางศาสนาเพื่อยับยั้งการลุกลามของลิทธิคอมมิวนิสต์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การจัดงานพิธีต่างๆ สร้างสันติเจดีย์ พระพุทธรูปยืน องค์สมมติพระเยซู เพื่อดุลย์กรรมให้แก่ประเทศไทยและโลกมนุษย์ ณ หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา จ.ราชบุรี
พ.ศ.๒๕๑๘ – ๒๕๒๔
ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ได้ดำเนินงานส่งเสริมภราดรภาพทางศาสนา เพื่อให้เกิดสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์ ได้เดินทางไปพบปะร่วมประชุมปรึกษาหารือ เสนอแนะแนวทางสร้างสันติภาพด้วยพลังทางศาสนา ด้วยการเชื่อมภราดรภาพระหว่างศาสนากับผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา และผู้นำองค์กรทางศาสนาและสันติภาพ และองค์การสหประชาชาติ
ต่อมาในเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๒๔ สมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นองค์การภาคเอกชนภาคีสหประชาชาติ เนื่องด้วยผลงานที่ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกได้นำเสนอความคิดเห็นแก่สหประชาชาติหลายครั้ง
ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกได้นำผลการหยั่งเสียง ชนเผ่าไทยต้องการสันติภาพ ไปยื่นต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ และ ฯพณฯ ดร.เคิร์ท วัลด์ไฮม์ เลขาธิการสหประชาชาติ
พ.ศ.๒๕๒๔
เสนอให้สหประชาชาติประกาศปี พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นปีสันติภาพสากล สหประชาชาติได้ประกาศวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๒๕ เป็นวันสันติภาพสากล และให้ถือวันที่ ๒๑ กันยายน ของทุกปี เป็นวันสันติภาพสากล ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๙ สหประชาชาติจึงประกาศเป็นปีสันติภาพสากล (Internationnal Year of peace) เป็นต้น
พ.ศ.๒๕๒๙ – ๒๕๓๔
ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกออกมาต่อสู้คดีส่วนตัวในศาล และผลของคดีคือยกฟ้องท่านทุกคดี ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกทำงานเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติและสันติภาพของโลกต่อไป
ในช่วงปี ๒๕๓๔ ท่านถูกล้มเป็นครั้งที่สอง โดยผู้ที่เข้าใจผิดคิดว่าท่านจะจัดตั้งรัฐบาลโลก อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ผู้ที่ล้มท่านในเดือนมีนาคม ๒๕๓๔ ถูกกรรมวิบากทำให้ต้องสิ้นอำนาจลงใน
เดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕
-สนับสนุนองค์การสภาธรรมนูญโลกในเรื่องกฎหมายโลกและรัฐบาลโลก
พ.ศ.๒๕๓๐ รณรงค์และพิมพ์หนังสือเรื่องการปลูกป่าและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกเผยแพร่ไปทั่วโลกเพื่อเรียกร้องให้ชาวโลกให้ช่วยกันป้องกัน
ภัยจากสภาวะ โลกร้อนและ น้ำท่วมโลก
-ส่งหนังสือความหวังสุดท้ายของมนุษยโลก ถึงผู้นำทั่วโลกและองค์การศาสนาและสันติภาพทั่วโลก ได้เรียกร้องและรณรงค์เรื่องการลดอาวุธ แนวคิดนี้ส่งผลต่อมาถึงกรณีประธานาธิบดีกอร์บาชอร์พและประธานาธิบดีโรแนลด์ เรแกน ได้เซ็นต์สัญญาลดอาวุธร่วมกัน
ตั้งพิพิธภัณฑ์ ๑๒ ศาสนาของโลก ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ที่อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อให้คนเข้าไปศึกษาค้นคว้าและเข้าถึงหลักศาสนาที่แท้จริง
ธรรมศาสนาประจำโลก=ธรรมนูญโลก เพื่อรักษามนุษย์ร่วมโลกเดียวกัน
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบสาธุๆๆๆ
ตอบลบกราบพระอาจารย์สุชาติผู้เสียสละเพื่อสันติภาพและโลกมนุษย์
ตอบลบสาธุๆ
ตอบลบกราบพระอาจารย์สุชาติ ผู้เสียสละ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ตอบลบกราบคารวะพระอาจารย์สุชาติด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตศรัทธาอันสูงสุดเท่าที่จะมีได้ในภพภูมินี้ครับในแนวทางสันติของมวลมนุษยชาติ
ตอบลบข้าพเจ้า นาย สักกฤษณ์ กาญจนเสถียร
ตอบลบ