Blog นี้สร้างมาเพื่อ เป็นสื่อกลางให้ผู้สนใจในการปฏิบัติ ได้มาศึษาหาความรู้ และ แนะนำสถานที่ปฏิบัติให้แก่ผู้สนใจ และ ช่วยนักปฏิบัติผู้กำลังหลงทาง ให้เจอทางออก และ เข้าถึงซึ่งความเป็นจริงของสภาวะ

20 พฤศจิกายน 2564

11ก.ค 2564 โยคีปฏิบัติธรรม

ปฏิบัติธรรมกับพระวิปัสสนาจารย์





11 กค 2564


ลูกศิษย์คนหนึ่ง ปฏิบัติ ตอนนั่งสมาธิอยู่ชุดนึง นั่งสมาธิไปสักพัก มีอาการตัวโค้งลงไปแต่ไม่รู้โค้งไปตอนไหน มารู้สึกตัวคือ โค้งไปแล้ว พอรู้ตัวก็ดึงตัวเองกลับมา


เป็นแบบนี้อยู่ 3 ครั้ง พอหลังจากครั้งที่ 3 รู้สึกสดชื่น เหมือนมีพลัง พอนั่งต่อสักพัก เริ่มโค้งครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 และก็สดชื่นเหมือนเดิม เริ่มเป็นเหน็บและปวดหลัง เลิกนั่งเวลาผ่านไปประมาณ 39 นาที




ตอนเดินจงกรมอยู่ชุดนึง ก็คิดว่าเดินก็ปกติ คิดว่าเวลาผ่านไปไม่นาน แต่ไปดูนาฬิกาเวลาผ่านไป 44 นาที ทำให้แปลกใจว่า ทำไมรู้สึกเวลาผ่านไปไม่นาน แต่เวลาจริงผ่านไปตั้ง 44 นาที




12 กค 64

ลูกศิษย์คนหนึ่ง ปฏิบัติ ช่วงเช้า ตอนเดินจงกรมอยู่ชุดนึง ตั้งใจว่าจะเดินจงกรมแค่ 20 นาที แต่รู้สึกเวลาผ่านไปช้ามาก ดูนาฬิกา 2 รอบ ก็ยังไม่ถึง 20 นาทีสักที ต้องดูนาฬิกาถึง 3 รอบ จึงจะถึง 20 นาที แปลกตรงที่ ต่างจากเมื่อวานที่เดินแปปเดียวเวลากลับผ่านไปตั้ง 44 นาที




ตอนนั่งสมาธิรู้สึกนั่งได้ไม่ดี มีผงกไปทั้งข้างหน้าข้างหลัง เลิกนั่งเพราะรู้สึกว่านั่งได้ไม่ดีนั่งไป 15 นาที

พระอาจารย์ให้ข้อสังเกต การปฏิบัติ มีทั้งดีและไม่ดี และทั้งดีและไม่ดี ก็เข้มข้นต่างกันอย่างชัดเจน แบบนี้ อาจารย์ผู้สอบอารมณ์ จะยิ้มเลย จะรู้เลยว่าผู้ปฏิบัติ มีความตั้งใจจริง และปฏิบัติได้ผลดี




เพราะญานทั้ง16 ญาณ บางญานสบายโล่ง บางญานอึดอัด เรียกว่ามีทั้งญานดีและญานไม่ดี จะไปเลือกว่า เอาแต่ญานดีดี ไม่ได้ ความก้าวหน้า จะต้องมีครบทุกญานจึงจะเรียกว่าก้าวหน้า ถ้าสอบอารมณ์แล้ว มีแต่ญานดีดีนี่ อาจารย์ผู้สอบอารมณ์จะเครียดล่ะ เพราะมันไม่ก้าวหน้า




12 กค 64 ช่วงบ่าย ตอนเดินจงกรมอยู่ชุดนึง เดินได้ดี มีข้อธรรมผุดขึ้นมาข้อนึงว่า คิดดี คิดชั่ว ก็คิดไป สติสัมปะชัญญะพร้อมพิจารณา ก็พอ นั่งสมาธิ ได้กลิ่นซากศพ เหมือนหมาเน่า กลิ่นลอยมาเตะจมูก กึ๊กเลย




ชุดที่ 2 เดินจงกรมก็ปกติ ที่แปลกคือ ดูนาฬิกาครั้งเดียว 20 นาที เป๊ะเลย นั่งสมาธิก็เหมือนกัน นาฬิกาครั้งเดียว 20 นาที เป๊ะเลย พอดี แปลกดี

ชุดที่ 3 มีข้อธรรมผุดขึ้น ว่า อย่าได้ยึดติดสมมุตที่เป็น ถ้ายึดติดสมมุตที่เป็น ก็จะกลายเป็นคนมีทิฐิ ก็จะมองคนอื่นแตกต่างจากเรา รากเหง้าที่แท้จริง ของสมมติคือ ความมีเมตตา มีมุทิตา มีกรุณา มีอุเบกขา ต่างหาก




27 กค 64 ชุดที่ 2 ช่วงเช้านั่ง 30 นาที เห็นจิตตัวเองมีแสงใส ก็เพิ่มพลังคลุมห้องปฏิบัติ ขยายพลังคลุมวัด ขยายพลังขึ้นไปบนท้องฟ้า
29 กค 64 ชุดที่ 2 นั่ง 50 นาที ไม่มีโค้ง ไม่มีผงก มีสติรู้ตัวตลอด ใคร่ครวญถึงการนั่งชุดที่ 1 ว่าทำไมเราจำอะไรไม่ได้เลย มันดับไปหมด แม้กระทั่งเวทนา เหมือนโดนฉีดยาสลบ พอถึงเวลาก็ตื่น





.............................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม