Blog นี้สร้างมาเพื่อ เป็นสื่อกลางให้ผู้สนใจในการปฏิบัติ ได้มาศึษาหาความรู้ และ แนะนำสถานที่ปฏิบัติให้แก่ผู้สนใจ และ ช่วยนักปฏิบัติผู้กำลังหลงทาง ให้เจอทางออก และ เข้าถึงซึ่งความเป็นจริงของสภาวะ

13 พฤศจิกายน 2564

กรรมของพระโพธิสัตว์

กรรมของพระโพธิสัตว์ (ผู้ซึ่งตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)



กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวตู่
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนักเลงสุราชื่อ มุนาลิ ได้กล่าวตู่ พระนันทะ สาวกของพระสัพพาภิภู ปัจเจกพุทธเจ้า ว่าเป็นสมณะทุศีล ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องถูกกล่าวตู่โดยนาง จิญจมาณวิกา เรื่องมีว่าเหล่าเดียรถีย์เกิดความริษยา ที่เห็นพระพุทธเจ้ามีบุคลลเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ลาภสักการะของพวกตนน้อยลง จึงหาทางทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการใช้นางจิญจมาณวิกา สาวิกาของพวกตน เป็นผู้ดำเนินการตามอุบาย




กล่าวคือในตอนเย็น ขณะที่เหล่าชนกำลังเดินทางกลับเข้าเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางออกไป ตอนเช้าขณะเหล่าชนเดินทางออกจากเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางกลับเข้ามา

ทำเช่นนี้เป็นประจำ จนชาวเมืองเกิดความสงสัย ถามว่านางออกไปนอกเมืองทุกเวลาเย็นด้วยเหตุอันใด นางตอบว่า เราออกไปตามความประสงค์ของพระสมณะโคดมผู้เป็นศาสดาของพวกท่าน และพำนักอยู่ในพระคันธกุฏีในพระเชตวัน

เวลาล่วงมาหลายเดือน นางจิญจมาณวิกาจึงนำท่อนไม้มาผูกติดเอว สวมเสื้อคลุมทับไว้ ทำประหนึ่งว่าตนกำลังมีครรภ์เดินเข้าไปหาพระพุทธเจ้าในพระเชตวันวิหาร ท่ามกลางบริษัทที่กำลังพระธรรมเทศนา




กล่าววาจาตู่พระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้ที่ทำให้นางตั้งครรภ์ พระพุทธเจ้ามิได้โต้ตอบแต่ประการใด ทำให้ชนบางกลุ่มในที่นั้นเกิดความสงสัย คิดว่าหากไม่เป็นความจริง นางคงมิกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้ามหาชนเป็นอันมากแน่นอน

พระอินทร์ทราบความ จึงแปลงร่างเป็นหนูไปกัดเชือกที่นางผูกเอวไว้ขาดออก ท่อนไม้หลุดลงมาทับเท้าของนางจนหลังเท้าแตก เหล่าชนในพระเชตวันวิหารเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พากันขับไล่นางออกไป เมื่อพ้นประตูวิหาร นางก็ถูกเปลวเพลิงนรกฉุดลงไปสู่อเวจีมหานรก




กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวหา

   ในอดีตกาลพระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อ สุตวา บวชเป็นดาบสสั่งสอนศิษย์ในป่าหิมพานต์ ต่อมามีดาบสผู้สำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มายังสำนักของตน ด้วยความริษยาที่เห็นว่ามีวิชาความรู้มากว่าตน จึงกล่าวหาดาบสนี้ว่า "ดาบสนี้หลอกลวง ดาบสนี้บริโภคกาม" และยังแนะให้ศิษย์ของตนกระทำตาม ด้วยวิบากแห่งกรรมที่กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เป็นจริง พระโพธิสัตว์และเหล่าศิษย์ต้องเสวยทุกข์ในอบายเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าและสงฆ์สาวก จึงถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่านางสุนทรี 




เรื่องมีว่า เหล่าเดียรถีย์ยังคิดที่จะทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้าต่อไป จึงใช้ให้นางสุนทรี สาวิกาของพวกตนอีกคนหนึ่งไปดำเนินการ ตามวิธีเช่นเดียวกับนางจิญจมาณวิกา จากนั้นได้ว่าจ้างเหล่าโจรให้ฆ่านาง นำศพไปหมกไว้ใกล้พระเชตวันวิหาร แล้วส่งคนของตนไปร้องเรียนต่อพระราชาว่า สาวิกาผู้หนึ่งของพวกตนหายไป พระราชาจึงมีรับสั่งให้ค้นหา พบศพหมกอยู่ใกล้พระเชตวันวิหาร เหล่าเดียถีย์จึงนำศพวางบนแคร่หาม ออกเดินประกาศไปทั่วพระนครว่า "เหล่าศากยะสมณะร่วมกันฆ่านาง" 




พระอานนท์ทูลความให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า อีก ๗ วัน เรื่องนี้จะปรากฏความจริง ฝ่ายพระราชา แม้จะมีหลักฐานปรากฏเช่นนั้นก็ยังไม่แน่พระทัย รับสั่งให้เจ้าพักงานออกทำการสืบสวนหาความจริง เจ้าพนักงานไปพบกับเหล่าโจรซึ่งกำลังเมามาย 

ต่างก็อวดตัวว่าเป็นคนฆ่านางสุนทรี จึงคุมตัวไปเฝ้าพระราชา ทรงสอบถามจนได้ความจริงว่า เหล่าเดียรถีย์เป็นผู้ว่าจ้างพวกตน พระราชามีรับสั่งให้จับเหล่าเดียรถีย์คุมตัวไปเดินประจานไปทั่วพระนคร พร้อมทั้งให้ร้องประกาศว่า "พวกตนเป็นผู้สั่งให้ฆ่านาง มิใช่เป็นการกระทำของเหล่าศากยสมณะ" จากนั้นจึงนำตัวไปลงโทษสถานหนักทั้งหมด



กรรมที่ทำให้ต้องถูกลอบปลงพระชนม์
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ถือกำเนิด ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขณะยังเป็นเด็กเล่นอยู่ข้างทางสัญจร เห็นปัจเจกพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เดินมาทางที่ตนเล่นอยู่ เกิดความไม่พอใจด้วยคิดว่าพระปัจเจกพระพุทธเจ้าจะมาเหยียบย่ำของเล่นของตน จึงก่อไฟดักไว้ทั่วทาง ประสงค์จะเผาพระปัจเจกพุทธเจ้า



ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าถูกพระเทวทัตขอกำลังพลแม่นธนูจากพระเจ้าอชาตศัตรู ให้มาลอบปลงพระชนม์






กรรมที่ทำให้ห้อพระโลหิต
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์และพระเทวทัตเกิดเป็นพี่น้องร่วมบิดา แต่ต่างมารดากัน ครั้นบิดาล่วงลับไปแล้ว เกิดทะเลาะกันด้วยเหตุแห่งทรัพย์พระโพธิสัตว์มีกำลังมากกว่า จึงกดน้องชายลงกับพื้นดิน แล้วกลิ้งศิลาก้อนใหญ่ทับไว้ ประสงค์จะให้ตาย




ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องถูกสะเก็ดศิลา ที่พระเทวทัตกลิ้งลงมาหมายจะให้ทับพระองค์ กระเด็นมากระทบนิ้วพระบาทจนห้อพระโลหิต ขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จดำเนินขึ้นบนเขาคิชฌกูฏ (คิชฌ(แร้ง)+กูฏ(เขา) แปลว่า เขาที่มียอดเหมือนแร้ง)



กรรมที่ต้องถูกผ่าตัด
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นบุตรของนักเลงผู้หนึ่ง เมื่อเจริญวัยจึงประพฤติตนเป็นผู้ชอบก่อการทะเลาะวิวาท หาเรื่องฆ่าฟันกันด้วยความเคยชิน ครั้งหนึ่งพระโพธิสัตว์ถือดาบเดินเข้าไปในเมือง ไล่ฆ่าฟันชาวเมืองผู้ไม่มีความผิด จนถึงแก่ความตายเป็นจำนวนมาก



ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องให้หมอชีวกโกมารภัจทำการผ่าตัดเอาโลหิตร้ายออกจากพระบาทที่ห้อพระโลหิต เนื่องจากถูกสะเก็ดศิลา ที่พระเทวทัตกลิ้งลงมากระเด็นมากระทบโดยแรง





กรรมที่ทำให้ปวดพระเศียร
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดในหมู่บ้านชาวประมงในเกวัฏฏคาม วันหนึ่งพระโพธิสัตว์กับพวกบุรุษชาวประมง ไปยังที่เขาฆ่าปลาเพื่อนำไปจำหน่าย เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาด้วยการทุบหัว เกิดความโสมนัสยินดีในอกุศลกรรมนั้น



ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ พระองค์บังเกิดในตระกูลศากยราช แม้จะได้บรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังได้เสวยความเจ็บปวดพระเศียรอย่างรุนแรง ทันทีที่ทราบข่าวว่าพระเจ้าวิฑูรฑภะทำลายล้างเหล่าศากยะถึงแก่ความพินาศไปด้วยกันเกือบทั้งหมด




กรรมที่ทำให้ปวดพระปฤษฎางค์(หลัง)
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลคหบดี เป็นผู้มีรูปร่างเตี้ย แต่มีพละกำลังแข็งแรง ครั้งนั้นมีนักมวยปล้ำผู้หนึ่งเที่ยวท้าทายเหล่าชนในเมือง ให้มาประลองกำลังกับตน ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะได้ พระโพธิสัตว์เห็นดังนั้นจึงเข้าไปประลองฝีมือ อาศัยความประมาทของ นักมวยปล้ำผู้นั้น ถูกพระโพธิสัตว์จับตัวยกขึ้นหมุนไปโดยรอบ แล้วปล่อยทิ้งลงมา นักมวยปล้ำได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง



ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ ในชาตินี้ทำให้พระองค์บังเกิดทุกขเวทนาด้วยการปวดพระปฤษฎางค์ ขณะที่ประทับนั่งเป็นเวลานานโดยมิได้เคลื่อนไหวอิริยาบถ ในกาลบางคราว พระองค์จึงตรัสกับพระสารีบุตรและพระโมคัลลานะ ให้แสดงธรรมต่อจากพระองค์





กรรมที่ทำให้ลงพระโลหิต(ถ่ายเป็นเลือด)
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นแพทย์ หาเลี้ยงชีพด้วยการรับรักษาโรคทั่วไป บุตรเศรษฐีผู้หนึ่งป่วยด้วยโรคเรื้อรังมาช้านาน ไม่มีผู้ใดรักษาให้หายได้ เศรษฐีผู้บิดาจึงมาขอร้องให้พระโพธิสัตว์ทำการรักษา พระองค์ประกอบยาขนานหนึ่งให้ผู้ป่วยดื่ม

ครั้นอาการทุเลาลง พระโพธิสัตว์เรียกร้องค่าดูแลรักษา เศรษฐีตอบแทนด้วยกหาปณะเพียงเล็กน้อย(๑ กหาปณะ = ๔ บาท) พระโพธิสัตว์ไม่พอใจจึงประกอบยาให้อีกขนานหนึ่ง เมื่อบุตรเศรษฐีบริโภคแล้วเกิดอาการถ่ายเป็นโลหิตจนถึงแก่ความตาย



ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ ในชาตินี้ทำให้พระองค์เกิดอาการลงพระโลหิต หลังจากเสวยสูกรมัททวะที่นายจุนทะถวาย จนต้องปรินิพพาน ชื่อว่า กรรม แม้จะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม เมื่อถึงวาระที่กรรมนั้นให้ผล แม้แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุดในไตรภพ ก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ด้วยประการฉะนี้
ที่มา ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๓ อรรถกถาพุทธวรรค พุทธาปทาน, ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓



กรรมที่ถูกช้างนาฬาคิรีไล่
ในอดีตการ พระโพธิสัตว์เกิดเป็นควาญช้าง วันหนึ่งขณะขี่ช้างไปตามหนทาง เห็นพระปัจเจกองค์หนึ่งกำลังเสด็จสวนทางมา เกิดโทสะว่าด้วยคิดว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นี้ขวางทางเดินของตน จึงไสช้างเข้าไปไล่ ในขณะที่ท่านกำลังบิณฑบาต
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมยังเหลืออยู่ ทำให้พระองค์ต้องถูกช้างนาฬาคิรีไล่ ขณะเข้าไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์

......................................................................................................

1 ความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยม