Blog นี้สร้างมาเพื่อ เป็นสื่อกลางให้ผู้สนใจในการปฏิบัติ ได้มาศึษาหาความรู้ และ แนะนำสถานที่ปฏิบัติให้แก่ผู้สนใจ และ ช่วยนักปฏิบัติผู้กำลังหลงทาง ให้เจอทางออก และ เข้าถึงซึ่งความเป็นจริงของสภาวะ

23 พฤศจิกายน 2564

18 - 26 กรกฎาคม 53 โยคีมาปฏิบัติธรรม





18 กรกฎาคม 53
ตอนค่ำสวดมนต์ มีเด็กชาย 7 ขวบ ชื่อแน็ก มากับแม่ทุกวัน ปกติมาก็แค่กราบ 6 ครั้ง นั่งก็นั่งพับเพียบกราบไม่ยอมคุกเข่ากราบ กินขนมแล้วก็นอน

วันนี้ผิดปกติแน็กนั่งคุกเข่าร่วมสวดมนต์นาน 20 นาที


พระอาจารย์หัวเราะ บอกว่าเทวดาเข้า (ทำนองเดียวกับผีเข้า แต่เปลี่ยนจากผีเป็นเทวดา)



หลายอย่างเราทำไปโดยไม่ได้สังเกต แต่เป็นการเข้าสิง ดลใจของเทวดา ในเมืองใหญ่ไม่ค่อยมีหรือเกือบไม่มีเลย ที่ไหนที่มีเทวดา ตามป่าเขา ตามวัด

เราสังเกตดูหลังเรากลับจากการไปเที่ยวป่าเขาหรือวัด เราจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

จากที่ไม่เคยทำความสะอาดบ้านก็อาจจะทำเองโดยไม่มีใครบังคับ มีปัญหาแก้ไม่ตกก็อาจจะพบทางออก




เพราะฉะนั้นเราอย่าปล่อยให้ใจเราห่อเหี่ยวหมดเรี่ยวแรง เราต้องมาเติมพลังจากป่าเขา จากวัด บ้างเป็นระยะตามโอกาสจะอำนวย 




วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม 53



ข้าพเจ้าชื่อว่าต่อ ข้าพเจ้ามาตั้งแต่เมื่อคืน เช้าก็เริ่มทำความสะอาดเลยเพราะสาย ๆ จะมีโยคีมาปฎิบัติหลายคนในวันหยุดอาสาฬหบูชา





พระอาจารย์เล่าว่าข้าพเจ้าทำเหมือนกับคนที่กระหายหิวต้องการบุญอย่างเหลือล้น เพราะเห็นว่าบุญทำให้มีความสุขอย่างไร

การเห็นอำนาจของบุญต้องเห็นด้วยปัญญาหรือพูดในภาษาชาวบ้านคือได้พบได้เจอ(มี) ประสบการณ์แล้วนั่นเอง



ซึ่งปัญญามีหลายระดับต่อเห็นบุญในระดับปัญญาที่ต่อมีทำให้ ต่อเกิดความโลภต้องการบุญที่มากกว่ายิ่งขึ้นไป

ขยันเดินจงกรมนั่งสมาธิขวนขวายในบุญมาก ๆ เอาบุญทุกอย่าง บุญล้างห้องน้ำ บุญถางหญ้า




เวลาถวายอะไรพระอาจารย์ก็จะย่อตัวลงยกถาดขึ้นเหนือหัวหลับตาอธิษฐานอะไรอยู่ครู่ใหญ่

คอยแต่ตั้งตามอง ว่าพระอาจารย์จะทำอะไรจะรีบเข้าไปแย่งทำทันที




ไปเดินตามบิณฑบาตรกับพระอาจารย์
ต่อเล่าว่าเห็นคนใส่บาตรแล้วเกิดปิติ

เห็นว่าคนใส่บาตรทำไมจึงต้องลุกแต่เช้ามืดมาหุงข้าว ชะเง้อมองพระ รอใส่บาตร

ต่อเองเคยบวชแล้ว แต่ไม่เห็นอำนาจของบุญ ต่อเล่าว่าตอนบวชไม่ได้อะไรเลย ไม่เห็นบุญเลย ปัจจุบันมีปัญญาจึงเกิดปิติ

เมื่อเห็นคนใส่บาตรแล้วเปรียบเทียบกับตัวเอง เหมือนอิจฉายายแก่ ๆ ที่ได้ใส่บาตรพระอาจารย์ทุกวัน ได้บุญทุกวัน


26 กรกฎาคม 53


วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา มีโยคีมาปฏิบัติหลายคน แบ่งเป็น 3 ชุด ทั้ง 3 ชุดไม่เคยรู้จักกันมาก่อน


โยคีเอกและโยคีแตเป็นชุดที่มาด้วยกัน โยคีทั้งสองคนนี้แตกต่างจาก โยคีอื่น ๆ เพราะโยคีทั้งสองคนนี้มีผลการปฏิบัติที่พัฒนามาแล้ว

โยคีเอกมีผลการปฏิบัติสูงกว่าโยคีแต โยคีทั้งสองปฏิบัติแล้วไม่สามารถได้รับความชุ่มชื่นของญาณต่าง ๆ

เพราะนั่งแล้วมีแต่ว่างทุกครั้ง ไปไหนต่อไม่ได้เพราะมีกำแพงคือทิฎฐิ




การมีกำแพงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี คือ เมื่อเราเจอคนไม่ดีกำแพงจะช่วยเราพ้นจากการถูกกิเลสซึมเข้าตัวเรา

ข้อเสีย คือ เมื่อเราเจอคนที่สูงกว่าเรา กำแพงจะกลายเป็นนิวรณ์ทำให้เราไม่สามารถดูดซับ เอาบุญบารมีของคนที่สูงกว่าเข้ามาได้ เพราะไม่สามารถแยกออกได้ว่าคนไหนคนดี คนไหนคนไม่ดี

หลังจากพระอาจารย์ทำลายกำแพงแล้วทำให้โยคีเอกและโยคีแต สามารถพ้นออกไปจากความว่างได้

ปฏิบัติแล้วมีความชุ่มชื่นจากญาณต่าง ๆ หลายคนเห็นตรงกันว่า โยคีเอกหน้าตาดูผ่องแจ่มใสขึ้น จากเดิมที่หมองคล้ำ





พระอาจารย์เล่าว่า เหมือนเรากินแกงไก่ที่ไม่อร่อย มีแต่ความมันของกะทิแต่ไม่มีความหอมหวานเพราะแม่ครัวไม่ฉลาด

กินแล้วมีแต่เลี่ยนจากกะทิ เทียบกับแกงไก่ที่ปรุงโดยแม่ครัวที่ฉลาด

แกงไก่ที่ได้จึงทั้งความมัน หอมหวาน กลมกล่อมอร่อยจนหยดสุดท้าย




โยคีออนมีอาการ เดินช้าเองโดยอัตโนมัติ เดินได้ดี มีความสบาย ความเพลิน เห็นแสงสว่าง กำหนดได้คล่องอย่างเหลือเชื่อ

บางทีเฉยไป เหมือนมันไม่อยากกำหนด แต่มีความสุขอย่างลึกล้ำ โยคีออนเล่าว่าอาการเหล่านี้เคยเป็นมาหมดแล้ว แต่นาน ๆ ห่าง ๆ

มาปฏิบัติ แค่ 2 วัน อาการเหล่านี้มารวมกันเกิดขึ้น ใน 2 วันที่มาปฏิบัติที่วัด

ใน 2 วัน มี อาการต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย





การที่มีโยคีมากันหลายคนพร้อม ๆ กัน ทำให้เห็นอะไร ๆ หลาย ๆ อย่าง

ทุกคนที่มามีความก้าวหน้า เหมือนกราฟแนวราบเป็นหน่วยเวลา แนวตั้งเป็นระดับบุญ




ในวันเวลาเท่ากัน มีความชันคือ การพัฒนา ชัน เท่ากัน แต่ความสูงของจุดเริ่มต้นไม่เท่ากัน

เพราะฉะนั้นโยคีบางคนมาแค่สองวันก็ได้ผลการปฏิบัติ


โยคีบางคนจากที่ไม่เคยทำได้ก็เริ่มคล่อง เริ่มคุ้นเคยกับการกำหนด คุ้นเคยกับการปฏิบัติ




.................................................

1 ความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยม