Blog นี้สร้างมาเพื่อ เป็นสื่อกลางให้ผู้สนใจในการปฏิบัติ ได้มาศึษาหาความรู้ และ แนะนำสถานที่ปฏิบัติให้แก่ผู้สนใจ และ ช่วยนักปฏิบัติผู้กำลังหลงทาง ให้เจอทางออก และ เข้าถึงซึ่งความเป็นจริงของสภาวะ

8 สิงหาคม 2554

ประวัติพระอริยวังโสภิกขุ

ประวัติท่านทูตสันติภาพ 
ดร.สุชาติ โกศลกิติวงศ์





กำเนิด

      นายสุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวนบุตร ๗คน ของนายเต็กสือ แซ่ฉั่ว กับ นางฮุ้ยฮวง แซ่ลิ้ม เกิดวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะแม ในเขตสัมพันธวงศ กรุงเทพมหานคร




      ต้นตระกูลของนายเต็กสือ เป็นขุนนางผู้ใหญ่ในประเทศจีน บ้านเดิมอยู่อำเภอเตียอัง จังหวัดกึงตัง มณฑลกว้างตุ้ง ประเทศจีน นายเต็กสือเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับประธานธิบดีเจียงไคเซ็ก เคยรับราชการมีตำแหน่งเป็นที่ ๔ รองจากประธานาธิบดีเจียงไคเซ็ก เป็นคนรักชาติและรักความยุติธรรม ในยุคที่ประเทศจีนอลเวงอย่างหนัก ข้าราชการเต็มไปด้วยพวกโกงกินคอร์รัปชั่น

      เป็นเหตุให้นายเต็กสือโต้เถียงอย่างรุนแรงกับประธานาธิบดีเจียงไคเซ็กเพราะไม่พอใจในการบริหารงานของคณะรัฐบาล ประธานาธิบดีเจียงไคเซ็กสั่งจับฆ่า จึงหนีมาประเทศไทย ก่อนปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ประกอบอาชีพแพทย์แผนโบราณ

ในวัยเยาว์




      เยาว์วัย เด็กชายสุชาติชอบพูดคุยเรื่องธรรมะและเรื่องการช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ไม่สนใจการเรียนหนังสือในโรงเรียนแต่ได้เรียนรู้จากนอกโรงเรียนมากมาย บิดาแก่กรรม เมื่อเด็กชายสุชาติอายุ ๙ ขวบ มารดาต้องทำงานเลี้ยงลูก ๗ คน

     เด็กชายสุชาติชอบไปเล่นแถวใต้สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ และลงเล่นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งหนึ่งเกิดเป็นตะคริวว่ายน้ำไม่ไหวจึงจมน้ำ เมื่อจวนจะหมดสติรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งมาช้อนร่างกายให้ลอยขึ้น ใบหน้าและจมูกอยู่เหนือน้ำ แล้วลอยไปเรื่อยๆ จนมีจีนพายเรือขายกาแฟผ่านมาจึงช่วยให้เด็กชายสุชาติขึ้นจากน้ำ




      ปรากฎการณ์ที่รอดชีวิตมาได้อย่างแปลกประหลาดนี้ ยังฝังอยู่ในความทรงจำของนายสุชาติ ครั้นเมื่ออายุมากขึ้นต้องทำงานเพื่อส่วนรวม นายสุชาติรู้สึกแน่ใจว่าตนต้องมีชีวิตบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น จึงยังไม่ตายเมื่อเป็นเด็ก

      อายุ ๑๐ ขวบ ได้ขโมยเงินของมารดา ๑๐ บาท ซื้อขนมแจกเพื่อน มารดาจับได้ก็ทำโทษเอาเชือกมัดข้อเท้าข้างขวาผูกติดกับประตูหน้าบ้าน ไห้นั่งประจานตรงนั้นนับแต่นั้นมาเด็กชายสุชาติได้ตั้งสัจจะว่า จะไม่ขอเงินท่านอีก แต่ด้วยเมตตาของมารดา บางวันก็เอาเงินมาทิ้งไว้ที่นอนหนึ่งบาทบ้าง สองบาทบ้าง วันไหนไม่มีเงินค่ารถก็จำเป็นต้องเอา




      นับแต่นั้นมาเด็กชายสุชาติก็ไม่เรียนหนังสือ รับจ้างเขาทำงาน ขายก๋วยเตี๋ยวบ้าง ส่งกาแฟตามร้านบนบาทวิถีบ้าง เพื่อแลกเงินมาเลี้ยงชีพ บางคืนกลับไปถึงบ้านตีหนึ่ง ตีสอง มารดาก็ยังคอยอยู่

       อายุ ๑๔ ปี ทำงานนอกบ้านและฝึกงานทางการค้าขาและช่วยเหลือผู้อื่นในวงการค้าด้วย ระหว่างนั้นไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนผู้ใหญ่วัดราชบูรณะ ได้เลื่อนชั้นและข้ามชั้น เรียนเพียง ๒ ปีก็จบชั้นประถมปีที่ ๔


เมื่ออายุประมาณ ๑๗ ปี



      อายุ ๑๗ ปี ทำงานกับนายสหัส มหาคุณ ที่สมาคมพาณิชย์จีน ระหว่างนั้นมีผู้ประกอบธุรกิจภาพยนตร์ได้นำฟิล์มมาจำนำและขอกู้เงิน นายสุชาติได้ช่วยเจรจากับนายสหัส มหาคุณ จนเป็นผลสำเร็จ 




     ผู้มากู้จึงมอบเหรียญหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปว่าศักดิ์สิทธิ์ นายสุชาติได้รับแล้วก็เก็บไว้เฉยๆ ต่อมาอยากพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญนั้นจึงไปวัดดอนยานนาวาถามพระภิกษุองค์หนึ่งถึงวิธีปลุกเหรียญศักดิ์สิทธิ์ พระก็แนะนำให้

เมื่อลงมือทำก็รู้สึกมีดวงไฟใหญ่ดวงหนึ่งแล่นเข้ามาที่หน้าอย่างเต็มที่แล้วก็ไม่รู้สึกตัวสักครู่รู้สึกตัวพวกเพื่อนที่อยู่ที่นั่นบอกว่า หลวงปู่ทวดมา ได้ทดลองอยู่หลายครั้ง ครั้งที่ร้อยกว่าหลวงปู่ทวดได้ผ่านร่างนายสุชาติ ท่านพูดว่าอยากลองดีจะเอาเป็นร่างทรง


เริ่มบำบัดโรคด้วยพลังทิพย์



       เมื่อมีผู้ทราบว่าหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดมาผ่านร่างนายสุชาติ จึงมีคนไข้ซึ่งป่วยมานาน แพทย์รักษาไม่หาย มาขอให้หลวงปู่ทวดรักษาให้ ก็หายป่วยไปหลายราย ระยะนั้นนายสุชาติไม่สมัครใจที่จะทำงานให้แก่โลกวิญญาณ จึงคิดหนีไปให้พ้น คิดเอาเองว่า ถ้าหนีไปต่างประเทศคงจะพ้น ได้หนีไปประเทศลาว แต่วิญญาณก็ยังไปบีบบังคับได้เหมือนเดิม




     ระยะนั้นมีปัญหาทางการเมือง ห้ามประชาชนเดินทางข้ามแดน อ.สุชาติจึงท้าความศักดิ์สิทธิ์ว่า ถ้าหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์จริงก็ต้องช่วยให้กลับเมืองไทยได้ ก็กลับมาได้อย่างมหัศจรรย์ พอดีอายุต้องเกณฑ์ทหาร เป็นทหารอยู่ ๑ ปี ๖ เดือน


รับราชการทหาร




       นายสุชาติเข้ารับราชการทหารเมื่อ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๗ สังกัดกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ ๑ เคยทำหน้าที่พลประจำปืนฝึกอยู่ค่ายธนะรัชต์ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ระหว่างเป็นทหาร พลทหารสุชาติ มีความขยันขันแข็งเคารพระเบียบวินัย เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา บางครั้งได้รับพลังทิพย์จากโลกวิญญาณ 

เช่น ครั้งหนึ่งกำลังฟังนายทหารบรรยาย พลทหารสุชาติก็ยกมือขั้นขออนุญาตพูดหน้าชั้นเมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็พูดถึงยุทธวิธีการรบอันเป็นเรื่องที่เกินความรู้ของพลทหาร

ทำให้ผู้ฟังรู้สึกแปลกใจมาก บางวันแดดร้อนจัด พลทหารสุชาติบอกว่าจะเรียกฝนให้ แล้วก็ออกไปนั่งกลางแจ้ง ร้องเพลงแขก ฝนตกลงมา

ต่อมาทางการให้ย้ายจากค่ายธนะรัชต์ไปอยู่ ป.ต.อ. หนังสือส่งตัวมีใจความตอนหนึ่งว่า

     “พลทหารสุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นพลทหารที่ดีมากและมีมันสมองมหัศจรรย์ สมควรให้ตำแหน่งนายสิบ”
      


     ระยะนั้นสมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์ (หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด) ตรัสว่า เหตุการณ์บ้านเมืองไม่ดีต้องตั้งสำนักปู่สวรรค์ขึ้นในโลกมนุษย์ตามมติสามโลกรับใช้โลกวิญญาณ




ภาพประวัติศาสตร์พิธีบวงสรวงตั้งเสาเอกอาคารตำหนักใหญ่สำนักปู่สวรรค์ บนที่ดินที่สานุศิษย์ร่วมถวาย เพื่อกิจการสำนักปู่สวรรค์


สำนักปู่สวรรค์เมื่อแรกสร้าง







พ.ศ. ๒๕๐๙

      เป็นช่วงชีวิตหักเหเข้าสู่ทางธรรมตั้งแต่อายุ ๒๒ ปี ความเป็นมาในเรื่องนี้เป็นที่อัศจรรย์ ขณะนั้นเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังเกิดวิกฤตการณ์ จากผู้ก่อการร้าย






      ท่านบรมครูมีพระบัญชา ให้ตั้งสำนักปู่สวรรค์ตามมติของสามโลก แห่งแรกเป็นบ้านเช่าอยู่ที่บางปะกอก ณ บ้านเลขที่ ๑๑๘/๒ ซอยอนามัย ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ


 ต่อมาย้ายมาตั้งอย่างเป็นทางการในซอย ๖๕ (จาตุรงค์สงคราม) ถ.เพชรเกษม บางแค กรุงเทพ


ก่อตั้งสำนักปู่สรรค์




      ตั้งสำนักปู่สวรรค์เพื่อเป็นที่สถานที่ติดต่อสื่อกลางในการทำงานของโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ เพื่อความอยู่รอดของประเทศไทยและโลกมนุษย์

     สำนักปู่สวรรค์ในโลกวิญญาณอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ ๕ เป็นที่พักของบรมครูของสวรรค์เทพพรหมทุกชั้นฟ้าที่มีความรู้จะพบปะกันที่สำนักปู่สวรรค์






สำนักปู่สวรรค์คืออะไร



     โลกมนุษย์นี้เป็นสื่อกลาง แห่งการใช้กรรมของเหล่าวิญญานและโลกมนุษย์นี้อยู่ในความควบคุมของโลกวิญญาน 

การที่ตั้งสำนักปู่สวรรค์ในโลกมนุษย์ ก็เพราะทางโลกวิญญานทราบว่าโลกมนุษย์จะถึงกาลกลียุค อาศัยความเมตตาที่จะช่วยยุติกิเลสความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ในกลียุคให้เบาบางลง เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ถึง ๕๐๐๐ ปี 

โลกวิญญานอันประกอบด้วย พรหมโลก เทวโลก นรกโลก จึงลงมติให้ตั้งสำนักงานของท่านบรมครูจากสวรรค์ในโลกมนุษย์




ความหมายของแต่ละคำคือ

สำนัก หมายถึง สำนักงาน

ปู่ คือ ปู่ครู หรือบรมครู

สวรรค์ คือ โลกของเทวดา

สำนักปู่สวรรค์อันแท้จริง อยู่สวรรค์ชั้นที่ ๕ คือ นิมมานรดี

สำนักปู่สวรรค์ในโลกมนุษย์ คือ สำนักงานของท่านบรมครูจากสวรรค์ 




ท่านบรมครูที่ทรงปฏิบัติงานที่สำนักปู่สวรรค์ เป็นประจำคือ




๑.พระโพธิสัตว์ สมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์ (หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ) ท่านเคยเป็นสังฆราชสมัยอโยธยา 

ปัจจุบันท่านเป็นประธานดูแลโลกมนุษย์ทรงเป็นประธานดำเนินงาน และทรงบำบัดโรคให้ประชาชน




๒.ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ หัวหน้ารูปพรหม ๑๖ ชั้น ตำแหน่งผู้พิชิตมารช่วยงานด้านพิธีกรรม และประทานน้ำมนต์ช่วยคนไข้




๓. สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังษี อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตารามเป็นองค์อำนวยการ และทรงเทศน์โปรดประชาชน


ท่านบรมครู ๓ พระองค์ ผ่านร่าง อ.สุชาติ โกศลกิติวงศ์ เพราะเป็นผู้มีบารมีสั่งสมมามากพอ เคยมีกรรมพัวพันอันลึกซึ้งกับท่านบรมครู ปัจจุบันเป็นผู้มีจิตใจและความประพฤติสะอาดพอ กล่าวคือ ทำสมาธิจิต รับประทานอาหารมังสวิรัติ ไม่มีครอบครัว มีชีวิตอย่างนักบวช




ผู้ที่อยากทราบว่าท่านบรมครูจากสวรรค์เสด็จมาผ่านร่างจริง ต้องเข้ามาสังเกตศึกษาจนแน่ใจ บางคนมาทดลองครั้งเดียวก็ยอมรับ บางคนมาหลายครั้งจึงยอมรับ บางคนพอได้ยินข่าวก็ปปฏิเสธ แล้วแต่ทิฐิของแต่ละคน 




     เรื่องอย่างนี้มีรายละเอียดที่จะต้องศึกษามาก ปราชญ์ท่านสอนว่า บัณฑิตย่อมไม่ด่วนยอมรับหรือด่วนปฏิเสธ โดยยังมิได้ใช้วิจารณญาน เมื่อเข้ามาศึกษาแล้วสงสัยอะไร ก็ควรถามผู้เข้ามาศึกษาก่อน ก็จะค่อยๆเข้าใจขึ้น

ผู้มีพื้นความรู้ทางศาสนา และเชื่อว่าโลกวิญญานมีจริง เมื่อเข้ามาศึกษากิจการของสำนักปู่สวรรค์ก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก 




   วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๘  เวลา ๑๒.๓๐ น. พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้ประกาศใช้อาวุธเข่นฆ่าประชาชนชาวไทยขึ้น ณ บ้านนาบัว อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม 






     เหตุนี้เทพพรหมที่สำเร็จจากโลกมนุษย์ โดยเฉพาะสำเร็จจากประเทศไทย จึงพยายามหาทางจะลงมาช่วยมนุษย์ โลกวิญญาณ ๓ โลกคือ พรหมโลก เทวโลก ยมโลก ลงมติให้ตั้งสำนักปู่สวรรค์ในโลกมนุษย์ขึ้น เพื่อพิทักษ์เอกราชของชาติไทย ให้ชนเผ่าไทยเข้าซึ้งถึงศาสนาเจ้าซึ้งถึงนามธรรม




   ท่านบรมครูทรงงานโดยดวงพระวิญญาณผ่านร่างมนุษย์ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตลอดจนการบริโภคให้เป็นไปในทางสะอาดบริสุทธิ์




     มนุษย์ผู้ที่ดวงพระวิญญาณท่านบรมครูผ่านร่างมาทรงงาน คือ อ.สุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นผู้ประพฤติตนเยี่ยงนักบวชที่ดี ไม่เป็นผู้ครองเรือน บริโภคอาหารมังสวิรัติ ปฏิบัติตนเป็นผู้ทรงศีล โลกวิญญาณถือว่า อ.สุชาติ เป็นทูตสวรรค์



หลวงปูทวด ( เหยียบน้ำทะเลจืด )



สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี



ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ


   ต่อมาเมื่อสถานการณ์ของโลกตึงเครียดขึ้น โลกมนุษย์ได้รับความเดือดร้อนกันทั่วไปงานของสำนักปู่สวรรค์จึงขยายกว้างออก มีจุดมุ่งหมายทำงานเพื่อให้โลกมนุษย์เกิดสันติภาพอันแท้จริง










การสร้างภราดรภาพและสันติภาพในโลกมนุษย์








































มูลเหตุในการสร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย





   เมื่อสำนักปู่สวรรค์เริ่มดำเนินงานโปรดสัตว์มาได้ระยะหนึ่ง เทพเจ้าแห่งแหลมสุวรรณภูมิ และเทพารักษ์รายงานว่า แหลมสุวรรณภูมิ จะเกิดกลียุคอย่างหนัก 



     สำนักปู่สวรรค์จึงดำเนินการเพื่อแก้อาถรรพ์ คลายความเดือดร้อนของแหลมสุวรรณภูมิ อาศัยพระบารมีของ พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยที่สถิตอยู่สวรรค์ชั้นที่ ๔ คือสวรรค์ชั้น ดุสิต ขอให้แผ่รัศมีมาช่วยโลกมนุษย์ด้วย 


พร้อมทั้งเทพ พรหมที่ อธิษฐานจิตเพื่อขอมาเกิดเป็นพระอรหันต์ในยุคนั้น มาเพื่อพิทักษ์แหลมสุวรรณภูมิให้คลายความเดือดร้อนลง



     ซึ่งขณะนั้นลัทธิคอมมิวนิสต์ได้เข้าไปสู่ลาว เวียดนาม เขมรแล้ว และเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในหลายจังหวัด จึงจำเป็นต้องช่วยประเทศไม่ให้ตกเป็นคอมมิวนิสต์ และเป็นการรวมพุทธศาสนาแห่งแหลมสุวรรณภูมิเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน






     ในองค์สมมตินั้นบรรจุดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๗ ประเทศ คือ ไทย ลาว มาเลเซีย พม่า กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนิเซีย อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ เจ้าสำนักปู่สวรรค์ ได้รับบัญชาให้เดินทางไปเชิญดินศักดิสิทธิ์ ณ ประเทศนั้นๆ 

เมื่อได้ดินมาแล้ว ทำพิธี ลงพลังจิตเทพพรหมลงในดิน เมื่อวัน อังคาร ที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ เป็นวันวิสาขบูชา

การดำเนินการสร้าง




     อนุสนธิมติโลกวิญญาณผ่านสำนักปู่สวรรค์ดำเนินการโดยพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ ของสมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์แห่งกรุงศรีอยุธยา (หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด)ได้สร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย เพื่อประโยชน์คือ


๑.แก้อาถรรพณ์ คลายความร้อนแห่งไฟอเวจีที่จะลุกโพลงขึ้นในแหลมสุวรรณภูมิ(ภัยจากสงครามการเข่นฆ่าเนื่องจากลัทธิการเมือง ที่อาจลุกลามกลายเป็นสงครามโลกได้)

๒.ประดิษฐานไว้ที่หน้ามุขบนพระตำหนักสำนักปู่สวรรค์ ให้มนุษย์ทุกรูปทุกนามที่ไปเยือนสำนักปู่สวรรค์ได้สักการะบูชา

๓.ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในระยะกึ่งพุทธกาล ให้ยั่งยืนสืบต่อไปเป็นการสร้างมหากุศลให้บังเกิดความร่มเย็น แก่ประชาชนในแหลมสุวรรณภูมิ

๔.กระชับสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นอัน เป็นทางนำไปสู่สันติภาพในดินแดนแถบนี้เป็นเบื้องต้น และสู่สันติภาพของโลกในที่สุด

      






ณ เวลาอันเป็นมหาอุดมฤกษ์ ๑๓.๐๐ น. ของวันอาสาฬหบูชา ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๓ และเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๓ ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ณ เวลาอันเป็นมหามงคลฤกษ์ ๙.๐๐ น. ได้อัญเชิญองค์สมมติขึ้นประดิษฐานบนหน้ามุขของตำหนักสำนักปู่สวรรค์



พ.ศ.๒๕๑๕


       ริเริ่มตั้งครัวกินเพื่ออยู่ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการรับประทานอาหารมังสวิรัติ และงดเว้นจากการฆ่าสัตว์








    ประชุมสภามังสวิรัติแห่งโลก 
ครั้งที่ ๒๔ ณ ประเทศอินเดี




พ.ศ.๒๕๒๐

       ตั้งชมรมอาหารมังสวิรัติแห่งประเทศไทย หลังจากที่กลับจากการไปร่วมประชุม สภามังสวิรัติแห่งโลก ครั้งที่ ๒๔ ณ ประเทศอินเดีย






เป็นสื่อกลางของโลกวิญญาณเพื่อขจัดทุกข์ให้กับชนทุกชั้น




เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย เยี่ยมชมกิจการสำนักปู่สวรรค์ และเข้าเฝ้าหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด



เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย เยี่ยมชมกิจการสำนักปู่สวรรค์ และเข้าเฝ้าหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๑๖






-ทำงานเผยแพร่อุดมการณ์ ๑๐ ประการของสำนักปู่สวรรค์




-ช่วยรักษาผู้เจ็บป่วยอันเนื่องมาจากวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร หรือถูกอภิญญาฝ่ายดำ หรือถูกกระทำไสยคุณ


-รับเชิญแสดงปาฐกถาธรรมตามสถานที่ต่างๆ เพื่อยกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น และพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแพร่







ออกบำรุงขวัญวีระบุรุษชายแดน








     ปี พ.ศ.๒๕๑๕ มีเหตุการณ์แสดงว่าเอกราชของชาติไทยจะถูกคุกคาม ท่านบรมครูดำเนินงานสร้างผ้ายันต์พิทักษ์เอกราชด้วยพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้อ.สุชาตินำไปแจกวีรบุรุษชายแดนไว้ติดตัวป้องกันอันตราย








     อ.สุชาติได้นำคณะออกไปยังฐานที่ตั้งของวีรบุรุษชายแดนแจกผ้ายันต์พิทักษ์เอกราช แจกยาและเครื่องใช้ต่างๆ อ.สุชาติได้กล่าวบำรุงขวัญปลุกใจและให้โอวาทแก่คนเหล่านั้น เน้นให้วีรบุรุษเหล่านั้นภูมิใจที่ได้ทำงานปกป้องรักษาเอกราชของชาติ 








ให้ปฏิบัติหน้าที่ของทหารให้เต็มที่เพราะวีรกษัตริย์และบรรพบุรุษไทยได้รักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ให้เราอยู่อย่างสุขสบาย และหากเราไม่สามารถรักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ได้ก็ต้องละอายวีรกษัตริย์และบรรพบุรุษของเรา











      -ออกบำรุงขวัญวีรบุรุษชายแดนผู้ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่มีอยู่หลายจังหวัด นำยารักษาโรค อาหารแห้ง และแจกผ้ายันต์พิทักษ์เอกราชแจกแก่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครที่ปฏิบัติหน้าที่ตามฐานชายแดนทั่วประเทศ


พ.ศ.๒๕๑๖

     ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันติภาพแห่งโลกวิญญาณ



        ทำพิธีวันเสียงปืนดับที่หมู่บ้านนาบัว อ.เรณูนคร จ.นครพนม และเสนอแนวคิดในการทำให้ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ยอมวางอาวุธซึ่งต่อมาทางราชการในระดับต่างๆได้นำแนวคิดไปปรับปรุง




     ดำเนินการต่อจนสำเร็จทำให้ผู้ก่อการร้ายยอมวางอาวุธเข้ามามอบตัวเพื่อร่วมพัฒนาชาติไทย






พ.ศ.๒๕๐๙ – ๒๕๒๔

     สร้างภราดรภาพทางศาสนาเพื่อให้บังเกิดสันติภาพในหมู่มนุษยชาติ ทำงานด้วยแนวทางทางศาสนาเพื่อยับยั้งการลุกลามของลิทธิคอมมิวนิสต์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การจัดงานพิธีต่างๆ สร้างสันติเจดีย์ พระพุทธรูปยืน องค์สมมติพระเยซู เพื่อดุลย์กรรมให้แก่ประเทศไทยและโลกมนุษย์ ณ หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา จ.ราชบุรี











หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา สถานที่ทอแสงสันติภาพ และภราดรภาพทางศาสนา





พ.ศ.๒๕๑๓ – ๒๕๑๔







       ก่อตั้งหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา จ.ราชบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งภราดรภาพทางศาสนา ต่อสู้กับบริษัทระเบิดหินที่มีอิทธิพลหลายบริษัท ที่ต้องการระเบิดหินภูเขาถ้ำพระ ติดกับบริเวณหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา เพื่ออนุรักษ์ภูเขาซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ทางพุทธศาสนา 








     คือในอดีตเคยเป็นสถานที่พักแรมของคณะธรรมทูตของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่เผยแพร่พุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ โดยสถานที่นี้กรมศิลปากรได้จดทะเบียนเป็นโบราณสถานสำหรับชาติแห่งหนึ่งของจังหวัดราชบุรี





 


พ.ศ.๒๕๑๘ – ๒๕๒๔


        ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ได้ดำเนินงานส่งเสริมภราดรภาพทางศาสนา เพื่อให้เกิดสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์ ได้เดินทางไปพบปะร่วมประชุมปรึกษาหารือ เสนอแนะแนวทางสร้างสันติภาพด้วยพลังทางศาสนา ด้วยการเชื่อมภราดรภาพระหว่างศาสนากับผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา และผู้นำองค์กรทางศาสนาและสันติภาพ และองค์การสหประชาชาติ












ต่อมาในเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๒๔ สมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นองค์การภาคเอกชนภาคีสหประชาชาติ เนื่องด้วยผลงานที่ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกได้นำเสนอความคิดเห็นแก่สหประชาชาติหลายครั้ง 












เช่นเสนอให้สหประชาชาติส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไปในกัมพูชา และสนับสนุนให้กัมพูชาจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๖ สหประชาชาติ(อันแทค) เข้าดำเนินการจนกัมพูชาสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ สิ้นสุดความวุ่นวายในกัมพูชา



















พ.ศ.๒๕๒๓





      ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกได้นำผลการหยั่งเสียง ชนเผ่าไทยต้องการสันติภาพ ไปยื่นต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ และ ฯพณฯ ดร.เคิร์ท วัลด์ไฮม์ เลขาธิการสหประชาชาติ






















 พ.ศ.๒๕๒๔


       เสนอให้สหประชาชาติประกาศปี พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นปีสันติภาพสากล สหประชาชาติได้ประกาศวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๒๕ เป็นวันสันติภาพสากล และให้ถือวันที่ ๒๑ กันยายน ของทุกปี เป็นวันสันติภาพสากล ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๙ สหประชาชาติจึงประกาศเป็นปีสันติภาพสากล (Internationnal Year of peace) เป็นต้น



องค์การสหประชาชาติ 
กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา


       

หอประชุมสันติภาพ พ.ศ.๒๕๒๔



ภาพในอดีต หุบผาสวรรค์เมืองศาสน




จัดสร้างหอประชุมสันติภาพและเตรียมโครงการจัดประชุมสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์ในปี พ.ศ.๒๕๒๕ ณ หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา 







     มีผู้นำหลายประเทศ ผู้นำทางศาสนา และผู้นำองค์กรศาสนาและสันติภาพตอบรับเชิญ แต่อย่างไรก็ตามผู้ไม่ปรารถนาดีต่อประเทศไทยและไม่ปรารถนาดีต่อสันติภาพ ได้ทุ่มเงิน ล้มโครงการประชุมสันติภาพ และเพื่อทำลายทูตสันติภาพแห่งโลก

      




พิธีวางศิลามงคล หอประชุมสันติภาพ



     โดยยืมมือข้าราชการที่หลงเข้าใจผิดในยุคนั้นสั่งทำลายท่านทูตสันติภาพแห่งโลก และสั่งปิดหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา และสมา
คมศาสนาสัมพันธ์ 











     ทราบในภายหลังว่าเบื้องบนมีแผนให้ยอมล้มหุบผาสวรรค์ เพื่อเป็นการดุลกรรมไม่ให้ประเทศไทยต้องตกป็นคอมมิวนิสต์ และสงครามโลกที่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นได้เลื่อนออกไป (จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๒๐ ปีแล้ว) เรื่องนี้ท่านจะเชื่อหรือไม่เป็นสิทธิเสรีภาพของท่าน






พ.ศ.๒๕๒๕ – ๒๕๒๙


     ท่านทูตสันติภาพต้องลี้ภัย เนื่องมาจากสื่อมวลชนลงข่าวทำลายอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนท่านถูกตามล่าตัวจากหลายฝ่าย ท่านต้องอยู่อย่างสงบในที่ปลอดภัยเป็นเวลา ๔ ปี ๖ เดือน


     ในช่วงนั้นท่านทูตสันติภาพแนะนำให้สานุศิษย์ให้อยู่อย่างสงบ ใช้หลักอหิงสาต่อสู้โดยการสวดมนต์อธิษฐานเพื่อให้โลกเกิดสันติสุข การลี้ภัยเป็นเวลายาวนานทำให้สุขภาพของท่านทรุดโทรมลงไปเป็นลำดับ


พ.ศ.๒๕๒๙


     ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกออกจาการลี้ภัย ในปี๒๕๒๙ ซึ่งเป็นปีสันติภาพสากล ท่านพิสูจน์ตนเองโดยใช้ความบริสุทธิ์แห่งพระพุทธศาสนาต่อสู้กับอำนาจมืด ซึ่งในช่วงนี้เองท่านถูกอภิญญาฝ่ายดำ โหมเล่นงานทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยการพยายามทำลายดวงตา สมอง หัวใจ ทำให้ท่านป่วยทั้งกายทิพย์และกายเนื้อ แต่ท่านก็ยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อพิทักษ์ศาสนาและสันติภาพของโลกต่อไป








พ.ศ.๒๕๒๙ – ๒๕๓๔


     ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกออกมาต่อสู้คดีส่วนตัวในศาล และผลของคดีคือยกฟ้องท่านทุกคดี ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกทำงานเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติและสันติภาพของโลกต่อไป


     ในช่วงปี ๒๕๓๔ ท่านถูกล้มเป็นครั้งที่สอง โดยผู้ที่เข้าใจผิดคิดว่าท่านจะจัดตั้งรัฐบาลโลก อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ผู้ที่ล้มท่านในเดือนมีนาคม ๒๕๓๔ ถูกกรรมวิบากทำให้ต้องสิ้นอำนาจลงใน
เดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕






-สนับสนุนองค์การสภาธรรมนูญโลกในเรื่องกฎหมายโลกและรัฐบาลโลก


พ.ศ.๒๕๓๐ รณรงค์และพิมพ์หนังสือเรื่องการปลูกป่าและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกเผยแพร่ไปทั่วโลกเพื่อเรียกร้องให้ชาวโลกให้ช่วยกันป้องกัน


ภัยจากสภาวะ โลกร้อนและ น้ำท่วมโลก





-ส่งหนังสือความหวังสุดท้ายของมนุษยโลก ถึงผู้นำทั่วโลกและองค์การศาสนาและสันติภาพทั่วโลก ได้เรียกร้องและรณรงค์เรื่องการลดอาวุธ แนวคิดนี้ส่งผลต่อมาถึงกรณีประธานาธิบดีกอร์บาชอร์พและประธานาธิบดีโรแนลด์ เรแกน ได้เซ็นต์สัญญาลดอาวุธร่วมกัน




ตั้งพิพิธภัณฑ์ ๑๒ ศาสนาของโลก ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ที่อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อให้คนเข้าไปศึกษาค้นคว้าและเข้าถึงหลักศาสนาที่แท้จริง











      
     แนะนำการเรื่องการสวดมนต์อธิษฐาน และวิธีสร้างกุศลเพื่อดุลกรรมให้กับประเทศ เพื่อให้เกิดสันติสุขในประเทศไทยและโลกมนุษย์หลายครั้ง

     ช่วยเหลือสานุศิษย์ในการให้คำปรึกษา ในเรื่องต่างๆ


ชีวิตบรรชิต

 


ท่านอาจารย์ อริยวังโสภิกขุ (ดร.สุชาติ โกศลกิติวงศ์)


     ท่านทูตสันติภาพท่านได้ตั้งความปรารถนาไว้ว่าเมื่อท่านทำงานรับใช้มนุษยชาติจนกระทั่งอายุ ๕๐ ปีท่านจะเลิกทำงานและบวชเพื่อบำเพ็ญตนในป่าลึกอย่างสงบ และความปรารถนาของท่านก็เป็นผลเมื่อวันที่๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๔ 






     

  ทูตสันติภาพอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่ออายุ ๕๐ ปี มีฉายาทางพุทธศาสนา อริยวังโส ท่านเลิกทำงานเพราะอายุมาก และต้องการใช้เวลาที่เหลือเพื่อบำเพ็ญจิตโดยมอบให้สานุศิษย์ทำงานสืบต่อแทนท่าน และท่านก็ได้ให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆในการดำเนินงาน




     ท่านอาจารย์อริยวังโส ใช้ชีวิตบั้นปลายบำเพ็ญจิตอย่างสงบในท่ามกลางป่าเขา
บั้นปลายชีวิต




พระอ.สุชาติ โกศลกิติวงศ์ 
(อริยวังโสภิกขุ) 
ขณะบำเพ็ญจิต ณ สำนักวิปัสสนาเกาะศักดิ์สิทธิ์พระโพธิสัตว์


ภาพปัจจุบัน ณ จุดเดียวกัน 
ตรงพระนาคปรก 
เกาะศักดิ์สิทธิ์พระโพธิสัตว์แก่งกระจาน








     เนื่องจากการตากตรำทุ่มเทกายใจทำงานหนักเพื่อมนุษยชาติมาเป็นเวลายาวนาน กอรปกับท่านต้องต่อสู้อย่างอหิงสา และอดทน จากผู้ที่หวังทำลายท่านทั้งภาคมนุษย์และภาควิญญาณ ทำให้กายสังขารของท่านเจ็บป่วยตลอดมา


      ท่านอาจารย์อริยวังโสภิกขุ (ศ.ดร.สุชาติ โกศลกิติวงศ์)ทูตสันติภาพแห่งโลก ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบ ณ โรงพยาบาลเพชรรัชต์ อ.เมือง จ.เพชรบุรี 

เมื่อวันศุกร์ที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘ เวลา ๑๖.๐๐ น. ตรงกับวันแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ ปีวอก สิริรวมอายุ ๖๒ ปี ๑๓ พรรษา






    สังขารของท่านอาจารย์อริยวังโส ไม่เน่าไม่เปื่อย อยู่ในโลงแก้ว ณ อุทยานศาสนาพระโพธิกวนอิม จ.เพชรบุรี






     ในตัวท่านเป็นอย่างยิ่งและนับว่าโลกมนุษย์ได้สูญเสีย บุคคลที่ใช้ทั้งชีวิตอุทิศให้กับการสร้างสันติสุขให้กับมนุษยชาติไปอย่างไม่มีวันกลับ

แต่คุณงามความดีและผลงานเพื่อมนุษยชาติที่ท่านได้สร้างไว้จะยังคงอยู่ตลอดไปเพื่อพิสูจน์สัจจะของการทำดีที่คงทนต่อการพิสูจน์






สมกับคำที่ว่า “ชาติกำเนิดเป็นเพียงส่วนประกอบ แต่ผลงานเท่านั้นที่ชี้คุณค่า” ท่านเคยกล่าวไว้กับสานุศิษย์ว่า “งานที่เราทำนั้นอีกร้อยปีกว่าคนทั้งหลายจะเข้าใจ”








อาคารบรมครู อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม ต.พุสวรรค์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

สถานที่ประดิษฐานสังขารของท่านพระอาจารย์อริยวังโส


เกียรติคุณจากต่างประเทศบางส่วนที่มอบให้กับท่านทูตสันติภาพ




     ได้รับ “ปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขา
มนุษยศาสตร์” จากมหาวิทยาลัยจอห์นดุย แห่งสหรัฐอเมริกา ใน
เครือสมาคมอธิการบดีระหว่างประเทศ 




และต่อมาได้รับแต่งตั้งจากสภาโลกชั่วคราวให้เป็น “ทูตสันติภาพถาวรแห่งโลก” 





  ได้รับเหรียญซุมมาคุมลูเด” จากอธิการบดีมหาวิทยาลัยจอห์น
ดุย แห่งสหรัฐอเมริกา







   ได้รับ “เหรียญสดุดี” จาก ดร.คูเช็งกัง ประธานกิตติมศักดิ์สันนิบาตต่อต้านคอมมิวนิสต์แห่งโลก ประเทศไต้หวัน






    ได้รับ “เหรียญสันติภาพ” จาก ฯพณฯ ยาสุชิ อากาชิ รอง
เลขาธิการฝ่ายลดอาวุธของสหประชาชาติ


 


   ได้รับเหรียญสันติภาพ” จาก ฯพณฯ ดร. เคิร์ท วัลด์ไฮม์ 
เลขาธิการสหประชาชาติ







    รับ “ใบประกาศเกียรติคุณ” และ “เหรียญคานธี” ประเทศ
อินเดีย จาก มร.เปรมจันท์ มัลโหตระ เลขาธิการสถาบันการศึกษา
คานธี ในที่ประชุมสภาโลกชั่วคราว ครั้งที่ ๓ ที่ไมอามี่ สหรัฐอเมริกา












.......................................















8 ความคิดเห็น:

  1. ธรรมศาสนาประจำโลก=ธรรมนูญโลก เพื่อรักษามนุษย์ร่วมโลกเดียวกัน

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ6.3.64

    สาธุ สาธุ สาธุ

    ตอบลบ
  3. สาธุๆๆๆ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ19.1.65

    กราบพระอาจารย์สุชาติผู้เสียสละเพื่อสันติภาพและโลกมนุษย์

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ3.6.65

    สาธุๆ

    ตอบลบ
  6. กราบพระอาจารย์สุชาติ ผู้เสียสละ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ17.2.66

    กราบคารวะพระอาจารย์สุชาติด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตศรัทธาอันสูงสุดเท่าที่จะมีได้ในภพภูมินี้ครับในแนวทางสันติของมวลมนุษยชาติ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ17.2.66

    ข้าพเจ้า นาย สักกฤษณ์ กาญจนเสถียร

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยม