Blog นี้สร้างมาเพื่อ เป็นสื่อกลางให้ผู้สนใจในการปฏิบัติ ได้มาศึษาหาความรู้ และ แนะนำสถานที่ปฏิบัติให้แก่ผู้สนใจ และ ช่วยนักปฏิบัติผู้กำลังหลงทาง ให้เจอทางออก และ เข้าถึงซึ่งความเป็นจริงของสภาวะ

4 พฤศจิกายน 2564

๔. เจอร่างตนเองในอดีตชาติ

 เจอร่างตนเองในอดีตชาติ


ครั้งอาตมาอายุ ๑๕ ปี จึงขอโยมทั้งสองบวชเณร โยมเห็นแล้วว่า อาตมามีบุญวาสนามาทางนี้ ขืนห้ามปรามก็คงไม่สำเร็จจึงอนุญาตให้บวช เตรียมสบงจีวรนำมาหาอาจารย์เจ้าอาวาส และได้บรรพชาตามความประสงค์ แต่ก็ได้สั่งโยมพ่อโยมแม่ว่า ถ้าใครจะให้ทำนายทายทัก ก็อย่าบอกว่าลูกมาบวชเณรอยู่ที่วัดไหน เพราะไม่ต้องการจะทำนายให้ใคร



การศึกษาปริยัติ ตอนบวชเป็นสามเณร ก็แปลกอีก พอเห็นหนังสือเรียนนักธรรมตรี โท เอก ก็รู้ขึ้นมาว่า หนังสือเหล่านี้ อาตมาเคยเรียนมาหมดแล้ว และยังจำได้แม่นยำด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจ จึงให้สามเณร ซึ่งเป็นเพื่อนกันคอยดูหนังสือ อาตมาท่องปากเปล่า อย่างพระวินัย เริ่มแต่ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๑๓ จนถึงเสขิยวัตร อาตมาท่องได้หมด ทำให้เณรด้วยกันแปลกใจไปตามๆกัน


เรื่องนี้รู้ไปถึงท่านมหา ซึ่งเป็นครูประจำชั้น วันหนึ่งท่านก็เรียกไปที่หน้าชั้น ถามว่า "เณรจำพระวินัยได้หมดหรือ อาจารย์สอนยังไม่ถึงเลย"อาตมาตอบท่านว่า "คิดว่าจำได้ รู้สึกเหมือนเคยเรียนมาแล้ว"



ท่านมหาถามว่า "เคยเรียนจากที่ไหน จำได้ไหม""รู้ขึ้นมาเองขอรับว่า เคยเรียนและเคยสอนด้วย"


"เออ…แปลกจริง ไหนลองว่าให้ฟังซิ" ท่านมหากางหนังสือนวโกวาทออกดู เพื่อจะสอบทานไปด้วยอาตมาก็เริ่มท่องให้ฟัง ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีติดขัดเลย เหมือนกับที่สอบทานกับสามเณรเพื่อนกัน ยังความแปลกใจให้แก่ท่านมหาเป็นอันมาก


เมื่อโยมพ่อกับโยมแม่มาเยี่ยมที่วัด ท่านมหาก็เล่าให้ฟัง ยิ่งทำความแปลกใจให้แก่ท่านมหามากขึ้นอีก เพราะได้ทราบจากโยมพ่อว่า ตั้งแต่อายุ ๓ ขวบ อาตมาก็สวดมนต์ ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนานและทำสมาธิแล้ว เลยเป็นที่เลื่องลือกันไปทั้งวัด



นับจากนั้น ท่านมหาบอกว่า "เณรไม่ต้องเรียนแล้ว ถึงเวลาสอบก็ไปสอบกับเขา" จนกระทั่งสอบได้นักธรรมเอก


เป็นสามเณรอยู่หลายปี จนสอบได้นักธรรมเอก ก็ไม่คิดจะเรียนต่อสนใจแต่ในทางปฏิบัติกรรมฐาน ตั้งแต่วันบวชก็ปฏิบัติมาเรื่อย ไม่เคยเว้นเลย การเรียนก็ไม่ต้องไปเรียน ถึงกำหนดสอบก็ไปสอบ นับว่ามีเวลาในการปฏิบัติมาก ท่านอาจารย์อุปัชฌาย์และท่านมหา เมตตาอาตมามาก เพราะเห็นว่ามีความประพฤติตัวดี ไม่ชอบเล่นหัวเหมือนเณรรูปอื่นๆ บางทีท่านมหาต้องไปกิจนิมนต์ภายนอกวัด ก็มาขอให้ไปสอนพระเณรแทน เมื่อจบนักธรรมเอกแล้ว ก็เลยต้องเป็นครูสอนนักธรรมตรี ซึ่งพอปลีกเวลาไปสอนให้ได้ งานอื่นในการดำเนินกิจการของสงฆ์ ท่านอาจารย์อุปัชฌาย์ท่านก็ไม่รบกวน เพราะเห็นฝักใฝ่อยู่ในทางปฏิบัติกรรมฐาน


อันที่จริง ท่านอาจารย์อุปัชฌาย์ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของอาตมานั้น ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ถือธุดงค์วัตรเคร่งครัด เช่น ฉันหนเดียว ทำให้ต่อมาอาตมาก็ฉันหนเดียว ฉันในบาตรตามท่าน ตั้งแต่เป็นเณรสอบนักธรรมเอกใหม่ๆ


วันหนึ่ง ท่านมหามาชวนไปเป็นเพื่อน ที่วัดเดิมของท่าน เพื่อนมัสการอาจารย์อุปัชฌาย์ของท่าน ที่มรณภาพไปนานแล้ว พอไปถึง ท่านก็พาขึ้นไปบนศาลา พร้อมกับบอกว่า อาจารย์อุปัชฌาย์มรณภาพมาเกือบ ๒๐ ปีแล้ว แต่ไม่เน่าเปื่อย นั่งขัดสมาธิขณะมรณภาพ ตอนนี้เขาใส่ตู้กระจกไว้บนศาลา มีคนมากราบไหว้บูชาขอโชคขอลาภเสมอ


พอไปถึงตู้กระจกที่ใส่ศพ มองเข้าไป อาตมาก็ตกตะลึงจังงังเพราะจำได้ว่าเป็นร่างของตัวเอง นี่มันอะไรกัน รู้สึกตัวชาไปหมดเมื่อจุดธูปเทียนบูชาแล้ว อาตมายังตื่นเต้นจนพูดไม่ออก แต่ถึงจะพูดก็คงไม่กล้าพูดออกไป มันเป็นความรู้เฉพาะตัว ยิ่งกับท่านมหาด้วยแล้ว ขืนพูดคงไม่ดีแน่…




ครั้นกลับวัดแล้ว ก็ได้ความรู้จากท่านมหาว่า อาจารย์อุปัชฌาย์ของท่าน ทรงแตกฉานในทางปริยัติมาก และเก่งในทางปฏิบัติด้วยทางไสยเวทวิทยาคม ก็ไม่น้อยหน้าใคร มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง แต่อาตมาไม่รู้จะถามใครว่า ทำไมอาตมาจึงจำได้ว่าอาจารย์อุปัชฌาย์ของท่านมหาเป็นตัวของอาตมาเอง และท่านมาเกิดเป็นอาตมาจริงหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่กล้าถามใคร


....................................................................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม