Blog นี้สร้างมาเพื่อ เป็นสื่อกลางให้ผู้สนใจในการปฏิบัติ ได้มาศึษาหาความรู้ และ แนะนำสถานที่ปฏิบัติให้แก่ผู้สนใจ และ ช่วยนักปฏิบัติผู้กำลังหลงทาง ให้เจอทางออก และ เข้าถึงซึ่งความเป็นจริงของสภาวะ

25 มกราคม 2554

ฟอกจิตผู้ปฏิบัติ 26 มกราคม 2554

    


   โยคี ต. หลังจากปฏิบัติธรรมมีสภาวธรรมเกิดขึ้นมากมาย  เกิดความเปลี่ยนแปลงถึงกับคนรอบตัวประหลาดใจ    

สภาวธรรมที่เกิดขึ้นทำให้เกิดศรัทธาแรงกล้า สามารถเลิกบุหรี่ได้  เลิกเหล้าได้  (มีหลายคนที่สามารถเลิกบุหรี่เลิกเหล้าได้)    

คนรอบตัวทั้งที่ทำงานและที่บ้านต่างพูดกันว่า โดนอาถรรพ์อะไรมาหรือเปล่า ศรัทธาที่เกิดขึ้นนี้เป็นศรัทธาที่มั่นคงต่อพระรัตนตรัย   

     ผู้ที่ต้องการบรรพชาอุปสมบท   มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า     

“...สัพพะทุกขะ , นิสสะระณะนิพพานะ ,  สัจฉิกะระณัตถายะ ,  อิมัง   กาสาวัง  คะเหตํวา ,  ปัพพาเชถะ  มัง  ภันเต.....”     แปลเป็นภาษาไทยก็ว่า  

     “ผ้ากาสาวะ (ผ้าไตรจีวร) ที่ข้าพเจ้านุ่งห่ม ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐาน มอบกายถวายชีวิตนี้  เพื่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง เพื่อความสิ้นไปแห่งทุกข์ทั้งปวง”  




     ศรัทธาของโยคี ต.นี้เป็นศรัทธาที่ตรงต่อประโยคนี้อย่างยิ่ง   เพราะมีใจเป็นใหญ่   มีจิตเป็นประธาน   สำเร็จได้ด้วยจิต   

มีเรื่องเล่าต่อไปว่า เพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างมากมายนี้ ทำให้เกิดความกังวลแก่คนรอบตัว ภรรยากลัวว่า สามีเปลี่ยนไป   โดนอาถรรพ์มา    

พ่อตาแม่ยาย จะพาลูกเขย (โยคี ต.) ไปแก้อาถรรพ์ ได้ยินว่าวิธีแก้จะต้องถูกเหยียบ อก โดยพระผู้แก้อาถรรพ์แถวอีสาน    

โยคี ต.ไม่ยอมไป เรื่องก็เงียบไปพักหนึ่ง ภรรยาก็ยังไม่สบายใจ ต่อมามีอยู่วันหนึ่งภรรยาได้ไปหาคนทรงเจ้า ได้ยินว่าเป็นเสด็จพ่อร.5    

ถามเรื่องพี่ชายภรรยาที่ป่วยไม่หาย  สุดท้ายถามเรื่องสามี (โยคี ต.)   คนทรงเจ้า พูดขึ้นเองว่า “ที่ที่มั...ไปก็ดีอยู่แล้ว มึ...จะไปห้ามมั...ทำไม”

“...สัพพะทุกขะ , นิสสะระณะนิพพานะ , สัจฉิกะระณัตถายะ , อิมัง กาสาวัง คะเหตํวา , ปัพพาเชถะ มัง ภันเต.....”






     โยคี น. เล่าว่า ประโยคนี้มีพลังมากพุ่งตรงเข้าสู่ใจ ได้เห็นถึงศรัทธาที่ยิ่งใหญ่กว่าศรัทธาอันใด เกิดความซาบซึ้งจับจิตจับใจตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาจะไหล

     พระอาจารย์ เล่าว่า : เป็นประโยคที่มีที่มาจากพระโอษฐ์ของพระพุทธองค์   มันเป็นประโยคที่ตกทอด   สืบกันมารุ่นต่อรุ่น   พระสงฆ์ทั้งที่มีชีวิตและจากไปแล้วสู่โลกหน้าเป็นภาระ   แม้เทพพรหมยังเป็นภาระช่วยเหลือ   สืบต่อประโยคนี้เพื่อประโยชน์เพื่อความเกื้อกูลเพื่อความผาสุก แก่คนรุ่นหลังอย่างไม่ขาดสาย 

ไม่ใช่ โยคี น. คนเดียวเท่านั้น   หลายคนเคยถูกพลังจากประโยคนี้ประทับไว้ในจิตแล้ว  แม้ข้ามภพข้ามชาติผ่านมา  เมื่อได้เห็นได้ยินประโยคนี้ซ้ำอีกน้ำตาก็พรั่งพรู ไม่อาจที่จะสามารถกลั้นไว้ได้






26  กุมภาพันธ์  2554 

     พระอาจารย์ เล่าว่า :  เวลาเช้าออกไปบิณฑบาตทุกวัน    เห็นแม่ไก่คุ้ยเขี่ยสอนลูกเจี๊ยบหากิน   พระอาจารย์จะต้องหยุด    นับว่าลูกเจี๊ยบมีกี่ตัว   วันนี้นับได้ถึง 12 ตัว   

ชีวิตเกิดใหม่จะได้รับการต้อนรับจากทั้งโลกมนุษย์และโลกทิพย์    หลายชีวิตหลังความตาย กว่าจะฟอกจิตให้สดใสมีชีวิตชีวา (มีน้อย   ปานกลาง มาก ) จนสามารถมาเกิดได้  ต้องผ่านกระบวนการหลายกระบวนการ    





     ทั้งสวรรค์และนรกก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการฟอกจิต  ทุกๆคนสามารถตรวจสอบจิตของตัวเองได้ว่า เป็นจิตที่มีความสดใสมีชีวิตชีวาหรือไม่    

เราทำกระบวนการฟอกจิตแต่เดี๋ยวนี้  ไม่ต้องรอไปทำในโลกหน้า เราทำการฟอกจิตแต่ขณะนี้ให้ถึงความสิ้นไปของกิเลส


     โยคี น. เล่าว่าเป็นคนกลัวผีมาก ขนาดอยู่บ้านยังไม่ค่อยชอบนอนคนเดียว จะนอนกับพี่ มีช่วงนึงเขาไปทำงานที่กระบี่ ต้องนอนคนเดียวมันโหวง ๆ ยังไงไม่รู้ ไม่ชอบเลย 




ช่วงไปวัดครั้งแรกนอนกับพี่ ๆ หลายคน ก็ยังกลัว ครั้งที่ 2 นอนกับพี่ 2 คน เริ่มเฉย ๆ ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ แต่พอครั้งสุดท้ายต้องนอนคนเดียวไม่ยักจะกลัว 

เหมือนจิตมันแข็งแรง เบา ๆ นิ่ง ๆ เฉย ๆ บอกไม่ค่อยถูก คิดเอาว่าจะเจอกับอะไรก็ช่าง เจอมันก็ต้องเจอ






     พระอาจารย์เล่าว่า ความกลัวผี ความจริงมันเป็นปลายเหตุ ถ้าเราสืบสาวไปหาต้นเหตุจริง ๆ คือ ความหดหู่ ความคับแคบ พอฝึกจิต จิตสว่างขึ้น มีความสดใสมากขึ้น จิตก็กว้างขึ้น มันก็แข็งแรงขึ้น ความกลัวผีมันก็ บางลง เบาลง จนเราประหลาดใจ ว่ามันหายไปไหน เพราะฉะนั้น วิธีแก้กลัวผีคือ เพิ่มบุญ เพิ่มความสว่างของจิต เพิ่มความสดใสของจิต

     โยคี น.เล่าว่า กลัวการอยู่คนเดียว กลัวเหงา กลัวผี อาการก็คล้ายกัน ถ้ามีความสุขก็ไม่กลัว 

บางคนมีความสุขที่ได้อยู่คนเดียว เพราะเขารู้สึกว่าอยู่กันเยอะแล้ววุ่นวายไม่มีความสุข บางคนอยู่คนเดียวไม่มีความสุข แต่ถ้าอยู่หลายคนแล้วอุ่นใจมีความสุข 

ความสุขมีอำนาจเหนือความกลัว แต่ทั้งความกลัวและความสุขเกิดที่ไหน เกิดที่อยู่คนเดียว หรือ เกิดที่อยู่หลายคน หรืออยู่ที่ใจ 




     สิ่งที่พระอาจารย์บอกอันนี้ โยคี หน. ก็เข้าใจ เวลา โยคี น. มาวัดมีความสุขที่ได้มาปฏิบัติ มีความสุขที่ได้พบปะพูดคุยกับกัลยาณมิตร มันมีความสุขอบอุ่นใจ ความกลัวก็เลยไม่มีอำนาจเหนือเรา 

แล้วเวลาเรากลับบ้านทีนี้ทำไง ก็ปฏิบัติไง เพราะความสุขเกิดจากการปฏิบัติ พลังของพระรัตนตรัยก็มาหาเราเมื่อเราปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติก็ได้ความสุข ความเข้มแข็ง ความสว่าง ฯลฯ ก็เลยมีพลังเหนือความกลัว



..............................

5 ความคิดเห็น:

  1. อนุโมทนาบุญครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ14.3.54

    สาธุค่ะ อยากไปฝึกบ้างจังค่ะ

    ตอบลบ
  3. Noonit7.5.54

    โยคีนิดมารายงานค่ะ
    หลังจากที่กลับจากการปฎิบัติธรรมที่วัด หนูก็กลับมาปฏิบัติที่บ้าน เวลาปฎิบัติก็กำหนดพองหนอ ยุบหนอ เท่านั้น พอนั่งไปนานๆก็รู้สึกว่าคอแห้งทั้งที่ทานน้ำก่อนปฎิบัติ และรู้สึกได้ถึงความร้อนในลำคอ เวลานั่งตัวก็โค้งมาข้างหน้าตลอดและหัวก็ส่ายไปมาแต่ไม่รุนแรง เหมือนหัวของงูขณะเลื้อยเป็นหลายครั้งแล้วค่ะพระอาจารย์ ถ้าปฎิบัติเรื่อยๆคงจะหาย

    ตอบลบ
  4. คีรีบรรพต29.5.54

    โยคีป๊อบ มาด้วยค่ะ 555
    ตอนนี้กลับมาปฏิบัติที่บ้านรู้สึกเข้าสมาธิได้เร็วขึ้น นิ่งขึ้นค่ะ แม้ว่าเสียงด้านข้างจะดังก็นั่งได้สบายมากค่ะ ทุกวันนี้ปฏิบัติไม่ได้ขาดค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เดนหรือนั่งนานๆ แต่ก็จะทำทุกครั้งที่มีเวลาว่างค่ะ แม้จะมีเวลา สามนาทีห้านาทีก็ทำค่ะดีกว่าปล่อยเวลานั้นทิ้งไป ตอนนี้เลยรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากเลยค่ะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ19.1.65

    สาธุ..กราบครุอาจารย์ที่เมตตา

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยม